เรื่อง
ยิ้มของโมนาลิซ่า

นิวส์ไซแอนติส – กว่าหลายศตวรรษมาแล้วที่เหล่าศิลปิน
นักประวัติศาสตร์ และนักท่องเที่ยวต่างเดินพาเหรดไปที่พิพิธภัณฑ์ลูฟว์
ประเทศฝรั่งเศส เพื่อหวังไขปริศนารอยยิ้มอันลึกลับน่าฉงนของ “โมนา
ลิซา” ผลงานชิ้นโบว์แดงของ “เลโอนาร์โด ดาวินชี” และตอนนี้ 2
นักวิจัยทางด้านจักษุศาสตร์ก็เริ่มมองเห็นปริศนาบางอย่างจากภาพโมนาลิซา
ว่าไฉนมองมุมไหนถึงยิ้มพิมพ์ใจไปเสียหมด
คริสโตเฟอร์ เทย์เลอร์ และลีโอนอยด์
คอนต์เซวิช แห่งสถาบันวิจัยทางจักษุสมิธ-แคตเทิลเวลล์ ในซานฟรานซิสโก
เชื่อว่า เหตุที่โมนาลิซายิ้มโปรยปรายได้ขนาดนี้ก็เพราะ “นอยซ์” (noise)
หรือมีสัญญาณรบกวนเกิดขึ้นในระบบการรับรู้ทางสายตาของผู้ที่มองภาพอันลือโลกชิ้นนี้
นักวิจัยทั้ง 2
ได้นำภาพวาดโมนาลิซาบันทึกลงคอมพิวเตอร์ แล้วสุ่มใส่นอยซ์ลงในภาพหลายๆ
แบบ (นอยซ์ หรือ noise ที่หมายถึงสัญญาณรบกวน
แต่ในภาพคือจุดสีเล็กที่เกิดขึ้นบนภาพ ทำให้ภาพไม่ชัด
อย่างเช่นการดูโทรทัศน์ที่สัญญาณไม่ดีก็จะทำให้เห็นภาพเป็นจุดๆ นั่นคือ
“นอยซ์”)
และเมื่อนักวิจัยทั้ง 2 สุ่มใส่นอยซ์ลงในภาพโมนาลิซาแล้ว
ก็ให้ผู้สังเกตการณ์จำนวน 12 คนมาดูว่าหน้าตาโมนาจะเปลี๊ยนไปมากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ ผลการพินิจดูภาพโมนาที่มีนอยซ์มาฉาบไว้นั้น
ก็เป็นไปตามความคาดหมายของคริสโตเฟอร์และลีโอนอยด์ กล่าวคือ นอยซ์ส่วนที่อยู่ตรงมุมปากทำปากของโมนายกขึ้น
จึงทำให้โมนาลิซามีใบหน้าเปื้อนยิ้มอิ่มเอมมีความสุข ส่วนนอยซ์อีกภาพหนึ่งที่อยู่บนปากของโมนากลับทำให้รูปปากแบนลง
ภาพนี้เลยทำให้โมนาดูเศร้าสร้อย
อย่างไรก็ตาม จุดรบกวนหรือนอยซ์เหล่านี้ทำให้ผู้สังเกตการณ์ที่มาดูภาพโมนาลิซาที่เคยๆ
เห็น เกิดการรับรู้ที่แตกต่างออกไปจากเดิมได้อย่างน่าประหลาดใจ
เมื่อเติม "นอยซ์"
ลงไปบนภาพโมนาลิซ่า จุดสีรบกวนเหล่านี้
จึงทำให้คนดูรับความรู้สึกของโมนาลิซ่าแตกต่างกันออกไป

เทย์เลอร์ เปิดเผยว่า
ระบบการรับภาพในสมองของมนุษย์ทั่วไปนั้นจะเปลี่ยนไปตามสิ่งรบกวน
และอย่างกรณีภาพโมนาลิซาฉาบนอยซ์คราวนี้ก็เช่นกัน
เมื่อผู้มองมองเห็นภาพที่มีเม็ดสีเล็กๆ ไม่ชัดอยู่บนภาพ อนุภาคโฟตอนหรือหน่วยพลังงานของรังสีแสงที่จอตา
(เรตินา) รับเข้ามาก็จะเป็นลักษณะแกว่งไปมา
(นึกถึงตอนที่เรามองภาพเบลอๆ)
จากนั้นเซลล์รับแสงที่จอตาก็จะอ่านค่าเม็ดสีที่มองเห็นผิดเพี้ยน
และในที่สุดการรับรู้เม็ดสีที่ผิดเพี้ยนนี้ก็ถูกส่งต่อไปยังเส้นประสาท
และสมองในที่สุด
“สิ่งรบกวนโดยธรรมชาติเหล่านี้
ทำให้คนทั่วไปมองภาพโมนาแล้วเห็นว่าภาพชิ้นนี้เปลี่ยนไป
มากกว่าที่จะเห็นเหมือนแต่ก่อนว่าโมนามีการแสดงสีหน้าที่น่าสงสัยลึกลับ
“นอยซ์” นี่ล่ะจึงทำให้ภาพวาดชิ้นนี้มีพลังจนถึงทุกวันนี้” เทย์เลอร์
เผย พร้อมกับแถมอีกว่า ที่ดาวินชีวาดโม้นาได้ออกมาจนลือลั่นโลกขนาดนี้
เพราะดาวินชีรู้ได้ด้วยสัญชาติญาณศิลปินของเขาแล้วว่า “นอยซ์”
นี่ล่ะสามารถสร้างการรับรู้ของคนได้ต่างออกไป
ภาพ “โมนาลิซา” เป็นผลงานชิ้นเอกของเลโอนาร์โด
ดาวินชี จิตรกรชาวอิตาเลียน (และยังเป็นนักดนตรี นักวิทยาศาสตร์
และนักประดิษฐ์) ดาวินชีวาดภาพชิ้นนี้ขึ้นในปี 1479 – 1528
โดยหญิงสาวในภาพคือ “ลา จิโอกอนดา ” (La Gioconda) ภรรยาของฟรานเซสโก
เดล จิโอกอนดา เป็นภาพวาดสีน้ำมันบนไม้ มีขนาด 77x53 เซนติเมตร
ขณะนี้ตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ ประเทศฝรั่งเศส ในนาม “ลา โฌกงด์”
(La Joconde)
โมนาลิซาในภาพเป็นภาพนั่งของผู้หญิงธรรมดาๆ
ที่แต่งกายตามสมัยนิยมในแฟชั่นแบบฟลอเรนไทน์
ในอิตาลีเบื้อหลังเป็นภูเขา โดยดาวินชีได้ใช้เทคนิกภาพสีหม่น (sfumato)
ให้ฉากหลังดูนุ่มเบา แต่ใช้โทนสีหนักกับตัวนางแบบ
โมนาลิซามีสีหน้าที่แสดงออกมาอย่างน่าฉงน
เพราะบางมุมก็รู้สึกถึงความมีเสน่ห์ดึงดูดใจ
ขณะที่บางมุมก็ให้ความรู้สึกแปลกแยกโดดเดี่ยว
ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นภาพเหมือนที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก
ที่มา :
ผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2547 17:55 น.
<=ก่อนหน้า
ถัดไป=> |