จากเกาะที่
ทุรกันดารที่สุดในโลก มีสิ่งลี้ลับสิ่งหนึ่งของโลก ครับ
มหาสมุทรแปซิฟิกอยู่ทางใต้ไป 2,000 ไมล์
เมื่อ 300 ปีก่อน
สมัยที่มันเคยสร้างความตื่นตะลึงให้กลาสีชาวยุโรป
พวกเขาก็มาพบมัน รูปแกะสลักโมอัย บนเกาะอิสเตอร์นี้
ค้นพบโดยชาวยุโรปเป็นครั้งแรก เป็นวันอิสเตอร์ ปี 1722
และนั้นเป็นที่มาของชื่อเกาะครับ
แต่ชื่อพื้นเมืองของมันก็คือ ราปานุอิ แรก ๆ
นักสำรวจไม่รู้ว่ามันคืออะไร และใครเป็นคนสร้าง

เรื่องราวของโมอัย หรือ
โมอายมีพลังมาก และฉงนมากครับ
เป็นความสัมพันธ์ที่มนุษย์มีต่อโลก ของเขากับพระเจ้า
มันบอกได้ถึงความหวังและความกลัวของผู้สร้าง
รวมไปถึงความเปราะบางของชีวิต โครงหน้านี้มันน่าสนใจมาก
สายตาอันสงบนิ่งนั้น
รูปแกะสลักพวกนี้
เป็นสมบัติอีกอย่างหนึ่งของโลกครับ เชื่อกันว่าโมอัยคือตัวแทนวิญญาณของบรรพบุรุษที่ล่วงลับ
ใบหน้าที่มองเข้ามาในตัวเกาะ คือการมองเพื่อปกป้องลูกหลาน

นี่คือโมอัยที่วางนอนอยู่บนพื้นนะครับ
น่าทางคงจะ อยู่ระหว่างการเคลื่อนย้าย
จะไปวางที่แท่นศักดิ์สิทธิ์ รูปร่างของหินถูกสลักขึ้น
จากที่อื่น ไม่ใช่หินตรงที่ที่มันตั้งอยู่นะครับ
แต่ว่าคงจะเป็นหินที่ นำมาจากที่บริเวณอื่น
คงจะเป็นหินที่นำมาจาก
ที่เป็นยอดภูเขาไฟที่หักออกมาทางอีกฟากหนึ่งของเกาะนะครับ
ยังเป็นที่สงสัยกันอยู่ว่า
ทำไม โมอัย 900 กว่าชิ้น ของเกาะอิสเตอร์
จึงไม่ถูกวางไว้บนแท่นศักดิ์สิทธิ์
เมื่อสังเกตเป็นพิเศษแล้วก็จะเห็นว่า มี โมอัยที่เรียงราย
อยู่ตามทางบนเนินแห่งนี้นะครับ และก็จะหันหน้าไปทางทิศต่าง
ๆ กัน บ้างก็มองทะเล บ้างก็มองเกาะ
และคิดว่า เป็นที่ฝากวางโมอัยไว้ชั่วคราวนะครับ
รูปสลักเหล่านี้จะถูกแกะขึ้นตรง เหมืองที่ถูกทิ้งไว้ข้างบน
จากแนวนี้ก็จะสังเกตเห็นตำแหน่งเว้าแหว่ง
ที่น่าจะเกิดมาจากการเจาะหิน และน่าจะขุดทิ้งลงไปเก็บไว้

ลักษณะโครงหน้า
นี่คือลักษณะเด่นของโมอัย
คางที่ชี้แหลม ปากที่ดูบึ้งตึง
จมูกที่ยาวเป็นสันและเว้าแหว่งนิดหน่อย
มีคิ้วที่หนายิ่งกว่ามนุษย์ แหล่งเหมือง รานารานัคคุน นี้
ยังมีโมอัยเหลืออยู่มากกว่า 400 ชิ้น
เกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมดครับ

และที่เห็นอยู่นี่คือปากปล่องภูเขาไฟที่มันพ่นหินที่มีชื่อเรียกว่า
ทัพ ออกมาครับ และนั่นก็คือหินที่ใช้ทำโมอัยนั่นเองครับ
และยังมีโมอัยซึ่งมองไปทางปากปล่องครับ
โมอัยถูกสร้างแบบไหน ?
เขาขุดหินโมอัยขึ้นมายังไง ?

โมอัยที่แกะสลักใกล้เสร็จแล้ว
ลักษณะการแกะสลัก
หินทัพนี้จะถูกตีให้แตกเป็นรูปร่างต่าง ๆ
โดยใช้หินอื่นเช่น หินบะซอล ช่องแกะสลัก ก็จะใช้บะซอลกระเทาะออกไปเรื่อย
ๆ
สิ่งที่อยู่ ๆ
ก็เกิดขึ้นในวันหนึ่ง คงจะทำให้ช่างลุกขึ้นไปกระทันหัน
ทิ้งงานที่ยังไม่เสร็จเอาไว้ และไม่กลับมาทำต่ออีกเลยครับ
น่าจะมีอะไรที่ร้ายแรงเกิดขึ้น รวดเร็วกะทันหันมากเสียจน
ทำให้ธรรมเนียนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาหยุดชะงักลง
และถูกทิ้งขว้างไป โดยปกติแล้วหลังจากเสร็จขึ้นตอนทำโมอัย
พวกเขาจะลากโมอัยด้วยเชือก โดยใช้ซุงกลิ้งแทนล้อ
พวกเขาไปยังที่ซึ่งไม่ห่างจากทะเลนัก
และเมื่อถึงตำแหน่งที่ต้องการ ก็มีการตกแต่งขึ้นสุดท้าย
เมื่อโมอัยไปยังถึงแท่นหรือว่า
อาหุ แล้ว ตาที่ทำจากปะการัง ก็จะถูกติดเข้าไป
ว่ากันว่าคือสิ่งที่โมอัยมีชีวิตขึ้นมาครับ
แต่โมอัยก็ไม่มีชีวิตที่อมตะครับ
เมื่อนานมาแล้วไม่ทราบว่านานเพียงใด อารยธรรมของผู้สร้างโมอัยกลับสิ้นสุดลง
ด้วยเหตุหายนะอะไรบางอย่าง
โศกนาศกรรมอะไรที่ทำให้โมอัยหมดยุคสมัยลงไป ?
มีโมอัย 8 ชิ้นถูกฝัง
แต่ละชิ้นก็ล้มคว่ำลงไป ใบหน้าถูกฝังอยู่ใน อาหุ ในดิน
มันอาจเกิดจากคลื่นยักษ์ ทสีนามิ ก็ได้
แต่น่าจะไม่รุนแรงขนาดนั้น

คิดว่าโมอัยพวกนี้ถูกคนทำให้คว่ำลงครับ
มันถูกฆาตกรรม ถูกฆ่าในด้านจิตวิญญาณ
ถูกปล้นชิงเอาอำนาจไปหมดสิ้นความหมายลง บางชิ้นถึงกับคอหัก
หัวแหลก
และดวงตาถูกควักออกไปด้วย ซากนี้แสดงให้รู้ว่าเมื่อยุคนั้น
เกิดเรื่องที่เลวร้ายขึ้น ที่เกาะแห่งนี้ครับ
น่าจะเป็นอะไรบางอย่างที่ก่อสงครามขึ้นมาจนผู้คนที่นี่
ฆ่าฟันกันเอง และพวกเขาก็ได้ทำลายเทพเจ้าของตนด้วย
คาดว่าโมอัยน่าจะล่มสลายเพราะเผ่าของศัตรูที่เข้ามาโจมตี
เมื่อประมาณ 500 ปีก่อนครับ
และเกาะนี้ก็ตกอยู่ท่ามกลางไฟสงคราม
ชาวเกาะตัดต้นไม้มากเกินไป เพื่อไปใช้ลำเลียงโมอัย
จึงไม่มีป่าไม้เหลือพอ ที่จะตัดมาสร้างเรือประมง
เสบียงอาหารจึงร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ
ชาวพื้นเมืองที่จากการบูชาโมอัย
มาเป็นการยึดถือพฤติกรรมอันน่ากลัวแทน
แต่ว่าพิธีกรรมแบบใหม่นั้น
ทำให้มีเผ่าที่ต้องแย่งชิงทรัพย์กรจำกัดบนเกาะนี้
สถานที่ลี้ลับดำมืดซึ่งกุมความลับเอาไว้
ภาพวาดรูปนก นกใหญ่ครับ
สวยงามมาก ใช้สีสดและสีสว่าง ถ้ำนี้ชื่อพื้นเมืองก็คือ
แอนนาทายแทงกาทำ แปลว่าถ้ำกินคน นี่อาจเป็นเบาะแส ถึง
ลัทธิกินเนื้อมนุษย์ก็ได้นครับ
เรื่องราวบนเกาะอิสเตอร์
เป็นเรื่องราวที่สวรรค์กลับกลายเป็นนรกครับ
และเทพเจ้าผู้อารีก็ กลายเป็นโหดร้าย ทั้งหมดมาจากการผลาน
ทรัพยากรธรรมชาติบนเกาะมากเกินจำเป็นจึงทำให้เกิดเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวขึ้น