ป่าฝนเม็กซิโกตอนใต้ เป็นที่ซึ่งอารยธรรมหนึ่งเคยปรากฏอยู่
ประมาณ 3,000 ปีก่อน เป็นอารยธรรมที่มีความรุนแรง

ป่าทึบแห่งนี้ซ่อนความร้ายกาจ
และน่าตกตะลึงเอาไว้นานหลายศตวรรษแล้ว มันคือนครลับแล
ที่ดำเนินด้วยการบูชายันต์มนุษย์ครับ
พาเลนเคย์
นครใหญ่ของเผ่ามายา สร้างขึ้นในช่วงประมาณ คริสตศักราช 650
โดยพระราชาพาคาล และโอรสครับ เป็นตำแหน่งแห่งบัญชาการที่ยอดเยี่ยม
ทั้งพระราชาและพระโอรส และนักรบจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ใด้ชัดสิ่งที่เห็นอยู่นี้คือใจกลางอันศักดิ์สิทธิ์ของเมือง
ซึ่งมีทั้งวังและวิหาร
พาเลนเคย์เป็นหนึ่งในนครเก่าแก่
ที่น่าจดจำที่สุดของโลก
มันบ่งบอกได้มากมายถึงด้านของชนเผ่ามายามาซึ่งมีพื้นเพย้อนหลังไปกว่า
1,000 ปีก่อนคริสตกาลหรือมากกว่านั้น
ชาวมายาปกครองอาณาจักรขนาดใหญ่
ซึ่งกินบริเวณจากอเมริกากลางแถวเม็กซิโกไปจนถึงกัวเตมาลาและฮอนดูรัส
อาคารต่าง ๆ ในพาเลนเคย์ ประกอบด้วยอักษรภาพ
ซึ่งจะไขประตูสู่โลกที่ละเอียดอ่อน แต่ดุร้าย
ชาวมายาเป็นผู้ที่คิดค้นปฏิทินขึ้น พวกเขาเก่งในด้านดาราศาสตร์
และเป็นเผ่าบูชายันต์มนุษย์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลกด้วย
ในใจกลางของโลกอันโหดเหี้ยม แห่งนี้เป็นที่ตั้งของพระราชาพาคาล
ซึ่งตั้งสูงตระหง่านบนยอดเนินและมีกำแพงหินหนา
เพื่อให้เป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่ง
สงครามระหว่างอาณาจักรที่เป็นปฏิปักษ์กันเกิดขึ้นเป็นกิจวัตร
และได้ถูกปกครองโดยดาวศุกร์ จึงมีชื่อเรียกว่า สตาร์วอร์ส
สงครามแห่งดวงดาว
ที่นี่น่าจะเคยเป็นลานที่สำคัญในวัง ซึ่งพวกเมืองขึ้น
จะมาคำนับและถวายเครื่องบรรณาการ แก่พระราชา
พวกเขาจะต้องเดินผ่านทางนี้ และได้เห็นภาพเชลยศึกต่าง ๆ อย่างเช่น
ร่างที่เปลือยของมนุษย์ผู้แพ้สงคราม คนที่ถูกเยอะเย้ยถากถาง
ใบหน้าที่แสนจะทรมานนั้น
มีไว้เพื่อจะขู่และข่มขวัญแก่ผู้ที่มาถวายเครื่องบรรณาการ แม้จะเป็นแค่ศพ
แต่ว่าวัฒนธรรมนี้ การเปลือยกายนั้น
ถือเป็นความอับอายอย่างมากทีเดียวครับ
พิธีบูชายันต์

พิธีการบูชายันต์ของเผ่านี้
มักจะต้องตัดอวัยวะของเชลยครับ
เพื่อให้มีความเจ็บปวดและก็จะพิสูจน์ว่านักรบคนนั้นควรค่าแก่การบูชายันต์ที่จะเกิด
เขาจะไม่ต้องแสดงความเจ็บปวดออกมาระหว่างการทรมานนั้น
และการทำให้อวัยวะเพศมีบาดแผล
น่าจะเป็นขั้นตอนหนึ่งของพิธีกรรมด้วย
การบูชายันต์ด้วยเลือดคือแก่นสำคัญของวิถีชีวิตของชาวมายาครับ

แท่นบูชาคือสิ่งที่คาดว่าชาวมายา
ใช้บูชายันต์เชลยสงครามครับ เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายได้ถูกตัดหัว
หรือว่ากระชากคอให้ขาดไป และหัวใจของเหยื่อยังคงเต้นอยู่นั้น
เลือดของเหยื่อจะถูกละเลงไปทั่ววิหารครับ
ทั้งนี้เพื่อสังเวยเทพเจ้า และเมื่อเสร็จแล้ว
ศพก็จะถูกถลกหนังออกมาครับ เพื่อจะไปให้นักบวชของเผ่ามายาคลุม
มีการเต้นระบำกันด้วย
พวกชาวมายาถือว่า
ชีวิตมีค่าและยิ่งใหญ่มากครับ ดังนั้นพวกเขาจึงถือว่า
การบูชายันต์ด้วยมนุษย์คือสิ่งล้ำค่าที่คู่ควรแก่การถวายแด่เทพเจ้า
เชลยที่ถูกทรมานมาแล้วบางรายถูกลากตามบันไดที่สูงชันของวิหาร
แห่งแท่นจารึก และถูกทำให้อับอายและเจ็บปวดยิ่งขึ้น
ที่ข้างบนนั้นแต่การบูชาด้วยเลือด
ไม่ได้มีเลือดเฉพาะศัตรูเท่านั้นครับ ทุกครั้งที่ชนะสงคราม
พระราชาพาคาลจะแทงอวัยวะเพศของตน
เพื่อให้เลือดไหลสู่แท่นบูชาบวงสรวงเทพเจ้า
ส่วนพระราชินีก็จะกรีดลิ้นของตนเพื่อการเดียวกัน
ชั้นล่างของปิรามิดโลกใต้ดินของชาวมายา
ซึ่งเป็นรูปแบบของการก่อสร้าง ที่น่าทึ่ง
และมีชื่อเสียงของชาวมายาครับ แต่ว่าสิ่งที่น่าทึ่งกว่านั้นก็คือ
สิ่งที่ถูกฝังอยู่ในดิน เป็นระยะเวลานานเกือบ 1,500 ปี

แผ่นหินใหญ่นี้ใช้แทนประตูครับ
ประตูที่ปิดผนึกสุสาน และนี่คือโลงหินขนาดใหญ่ ของพระราชาพาคาล
แต่โลงหินเมื่อก่อนนี้ก็จะมีฝาปิดเอาไว้เฉย ๆ ครับ
โดยที่ช่องในนั้นมีรูปพระจันทร์ที่เอาไว้วางพระศพนั่นเอง

ที่เก็บพระศพ
งานศิลปะของชาวมายา มันคงสภาพเดิม
ได้รับการอนุรักษ์อย่างดี ส่วนร่างของพระราชานั้น อยู่ตรงกลาง
พระองค์สิ้นพระชน 80 พรรษา เป็นนักรบผู้แกร่งกล้า ห้าวหาญ
ศพจะถูกวางนอนหงาย และก็ดำดิ่งลงไปในปากแห่งความตายครับ
ซึ่งแทนด้วยเทพเจ้าเสือจากัว
ซึ่งเป็นเทพของโลกเบื้องล่างครับ เป็นเทพแห่งความตาย
ส่วนด้านบนเหนือห้องพระราชาก็มี ต้นไม้แห่งชีวิตที่งอกขึ้นมา
แทนด้วยไม้กางเขนครับ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมายา
และตรงกลางนี้เป็นจุกเชื่อมระหว่างนรกกับสวรรค์ กับโลกมนุษย์ครับ
โลกมนุษย์นี้ถือว่าเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของโลกครับ
ขอเสริมอีกหน่อย ที่น่าสงสัยคือ อารยธรรมที่แสนป่าเถื่อนโหดร้าย
แต่กลับมีของ ที่คนสมัยนี้ยังต้องทึ่งก็คือ วิทยาการทางคณิตศาสตร์
และดาราศาสตร์
บันไดทุกขั้นของ ปิรามิดพาเลนเคย์ นับได้รวม 365 ขั้น เท่ากับ 1 ปี
พอดี โดยแต่ละด้านมีด้านละ 91 ขั้นรวมพื้นที่ทางเข้าก็ครบ 365 ขั้น
แต่หนึ่งปีของชาวมายามี 13 เดือนครับ
ชาวมายานั้นคิดปฏิทินขึ้นมาตั้งแต่สองพันปีก่อน แถมยังคำนาณวันเดือนปี
ถอยหลังไปถึง สี่ร้อยล้านปี รู้จักวงโคจรดาวศุกร์ราวกับตาเห็น ทั้ง
ๆ ที่ไม่มีกล้องดูดาว
นอกจากนั้นยังรู้จักดาวยูเรนัสและเนปจูนเสียอีก