ชนเผ่าแบล๊คฟุต เรียกมังกรว่า อีลีสกิ่ง
คนเก่าคนแก่ในเผ่ามักจะเล่าเรื่องที่พื้นดินสั่นสะเทือน
เวลาที่มังกรหรือไดโนเสาร์เดินผ่าน ให้ลูกหลานฟังอยู่เสมอ
ดังนั้นชาวบ้านต้องหลบหลังอยู่ก้อนหิน รอจนกว่ามังกรจะเดินผ่านไป
ซึ่งทุกวันนี้เรื่องเล่าแบบนี้ ก็ยังคงมีให้ฟังกันอยู่

แน่นอนว่า ตำนานมังกรของชนเผ่าแบล๊คฟุต มีที่มาจาก
โคริทอซอรัส และไดโนเสาร์พันธุ์อื่น ๆ ที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น
ฟิวส์ สร้างส่วนลำตัวของมังกรจากซากไดโนเสาร์
แต่ส่วนสำคัญที่ยังขาดหายไปก็คือ ปีก สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่บินได้
และที่น่าสนใจที่สุดก็คือสัตว์ตระกูลเทโรซอร์

พันธุ์ เทราโนดอน ตรงส่วนหัวของมันมีหงอน
ทำหน้าที่เหมือนเป็นใบเรือ ซึ่งช่วยควบคุมทิศทางเวลาบิน
กระดูกทุกชิ้นกลวงและเป็นโพรงอากาศ ทำให้มันมีน้ำหนักเบา
ฟิวส์บอกว่าเขาอยากจะเห็นสัตว์พันธุ์นี้บิน อยู่จริง ๆ บนท้องฟ้า
เพราะมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจมาก
ในปัจจุบันไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในธรรมชาติ
ที่เหมือนกับสัตว์ในตระกูลเทโรซอร์
จะมีก็แต่เครื่องร่อนที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมาเท่านั้น
ที่ใช้หลักการเดียวกับเทราโนดอน โดยเครื่องร่อนใช้โครงสร้างเป็นอลุมิเนียมกลวง
ส่วนเทโรซอร์ มีขนาดใหญ่ และมีขนาดปีกที่กว้างถึง 10 เมตร
ปีกขนาดใหญ่น่าจะเข้ากันได้ดีกับปีกของมังกรในจินตนาการ
ฟิวส์เชื่อว่า
มังกรอาจมีน้ำหนักตัวเบาเหมือนกับไดโนเสาร์กินพืชหลายชนิด
ที่ร่างกายเต็มไปด้วยอากาศก็ได้ ทำให้มันบินขึ้นจากพื้น
ทำให้ไม่ต้องใช้แรงมากเหมือนที่คิดกัน
ถ้ามังกรมีปีกขนาดใหญ่เหมือนเทโรซอร์ และมีกระดูกกลวง
ก็บินได้เหมือนกัน

ชาวมายา ก็มีเรื่องเล่า
ตามตำนานโบราณได้ว่ารูปร่างของมังกรเอาไว้ ว่า
เป็นสัตว์ที่บินลงมาจากฟากฟ้า ลำตัวเป็นสีเขียวเปล่งประกาย
ส่วนหัวดูน่ากลัว มีกรามคล้ายกับจระเข้ นกท้องถิ่นในป่าเม็กซิโก
จะเป็นที่มาของมังกร ตามความเชื่อของชาวมายา
เม็กซิโกไม่เพียงแต่เป็นแหล่งความเชื่อเรื่องมังกรมนยุคหินเท่านั้น
แต่ยังเป็นแหล่งความเชื่อเรื่องสัตว์ประหลาดอีกด้วย
คาบสมุทร ยูคาทาล
ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดที่อุกกาบาทนอกโลกพุ่งชน เมื่อ 65
ล้านปีก่อน อุกกาบาทขนาดมหึมาที่พุ่งชนโลก
ได้ทำลายล้างสิ่งมีชีวิตไปมากกว่าครึ่ง นักโบราณคดีพบว่า
มีไดโดนเสาร์หลายชนิดรอดชีวิตมาได้ และอยู่อีกต่อมาอย่างน้อย 200,000
ปี จนสิ้นสุดยุค ครีเตเชียส
นอกจากนี้ยังมีสัตว์สายพันธุ์อื่นที่ดำรงเผ่าพันธุ์มาจนถึงทุกวันนี้
เช่น จระเข้ เต่า และนก การสืบสวนด้วยวิธีทางโบราณคดี
ทำให้มองเห็นภาพมังกรได้ชัดเจนขึ้น
ในลอนดอนของอังกฤษก็ปรากฏหลักฐานความเชื่อเรื่องมังกร
ประตูเมืองเก่ามีมังกรคอยปกป้องรักษา
สำหรับชาวจีนความเชื่อเรื่องมังกร
เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมาช้านาน แม้แต่ในย่านไชนาทาว ของอังกฤษ
ก็ยังพบเห็นร่องรอยความเชื่อเรื่องมังกร
หลายพันปีมาแล้ว
ที่กระดูกมังกรเคยเป็นส่วนผสมเครื่องปรุงยาของชาวจีน ที่เป็นสัพคุณ
เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้จิตใจสงบแก้โรคนอนไม่หลับ และคลายเครียด
หลายคนเชื่อว่ากระดูกมังกร แท้ที่จริงก็คือกระดูกของไดโนเสาร์นั่นเอง

มังกรเป็นสัตว์ในตำนานที่มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก
ไม่ว่าจะเป็นมังกรบินได้ ตามความเชื่อของชาวเอเชีย
หรือจะเป็นมังกรพ่นไฟของชาวยุโรป นอกจากนี้ลวดลายมังกร
ยังเป็นที่นิยมชื่นชอบขอบคนที่ชอบสัตว์ในตำนาน แม้แต่การ์ตูน
ความเชื่อเรื่องมังกรน่าจะเกิดมาจากความไม่รู้ของคนในอดีต
เมื่อพบกระดูกขนาดใหญ่ แม้จะแค่ชิ้นเดียวก็อาจนำไปจินตนาการ
จนเกิดเป็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ได้
และถ้ามังกรพ่นไฟมีอยู่จริง พวกมันจะทำอย่างงั้นได้หรือไม่
ตามหลักวิทยาศาสตร์ มังกรอาจมีลมหายใจที่พ่นไฟได้จริง
ตามทฤษฏีถ้าร่างกายของมังกร ผลิตฟอสฟอรัส หรือ โพแตสเซียมได้
และไปทำปฏิกิริยากับมีเทน และออกซิเจนในร่างกาย มันก็จะสร้างลูกไฟได้
ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ ในที่สุดมังกรในจินตนาการ
ก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
แต่มังกรก็ยังมีเรื่องราวอีกหลายแง่มุม
ซึ่งเป็นปริศนา และยังคงต้องอาศัยวิทยาศาสตร์ในอนาคต ช่วยอธิบาย
แม้มีความเชื่อใหม่เกี่ยวกับมังกรแต่ก็ไม่อาจลบล้างความเชื่อเก่าเกี่ยวกับมังกรลงไปได้
วิทยาศาสตร์ที่ล้ำหน้าในอนาคต อาจนำมาซึ่งคำตอบว่า
มังกรเคยมีชีวิตจริงหรือไม่ และเมื่อถึงเวลานั้น
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก็จะทำให้ตำนานมังกร คงอยู่กับเราตลอดไป
<=ก่อนหน้า