ประเทศญี่ปุ่น โตเกียวเมืองที่ทันสมัยและมีสีสันมากที่สุดในโลกครับ ความทันสมัยเป็นแค่เปลือกภายนอกเท่านั้น ถ้าหากมองให้ลึกซึ้ง จะเป็นขนบธรรมเนียมที่เก่าแก่

มรดกทางวัฒนธรรมนี้เป็นสิ่งที่เก่าแก่มาก และปัจจุบันก็ยังมีการผลิตกันอยู่ มันเป็นสิ่งที่ดูลึกลับของญี่ปุ่น มันคืออาวุธแห่งความตาย เป็นงานศิลปะที่ศักดิ์สิทธิ์ครับ ขั้นตอนทั้งหมดเริ่มต้นที่การสวดมนต์ที่แท่นบูชา เพื่อสักการะเทพเจ้าในศาสนาชินโต ซึ่งเป็นความเชื่อในเรื่องเก่าแก่ในด้านจิตวิญญาณ ของธรรมชาติและบรรพบุรุษ

ต้องใช้อุณหภูมิที่สูงมาก ๆ เลย ต้องใช้ถึง 1,300 องศาด้วยกันครับ ดาบนี้ทำจากเหล็กกล้าสองชนิดครับ ด้านนอกจะทำเหล็กแข็งเพื่อให้ใบมิดมีความคม ส่วนด้านในจะเป็นเหล็กเบา เพื่อให้เกิดความยึดหยุ่นไม่หักง่ายในการต่อสู้

ขั้นแรกต้องปรับอุณหภูมิ ต้องมีการตีเหล็กครั้งแล้วครั้งเล่า จนกว่าดาบจะขึ้นรูป การทำดาบต้องใช้เวลาถึง 100 วัน มีการเคลือบดินเหนียวลงไปลงบนตัวดาบ สิ่งนี้ทำให้เหล็กมีความแข็งแกร่ง มีความคมมากขึ้น ตามความเชื่อของชินโต การทำแบบนี้เชื่อว่าทำให้ดาบมีจิตวิญญาณ เพราะเราถือว่าดินเป็นหนึ่งในธาตุทั้งสี่ หลังจากนั้นเหล็กกล้าที่เคลือบด้วยดินเหนียว ก็จะถูกนำไปเผาในเตาหลอมครับ พร้อมกับต้องคอยสังเกตสีของมันด้วย เพื่อจะนำไปจุ่มในน้ำได้ทันเวลาครับ เป็นขั้นตอนการทำดาบที่มีคุณภาพครับ และหากขั้นต่อไปหากไม่ระวัง สิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่าครับ ช่วงเวลามีความสำคัญมาก มันมีโอกาสเดียวเท่านั้นครับ เพราะว่าขั้นตอนนี้เป็นเครื่องชี้ว่า ที่ทำมาทั้งหมดนี้ ที่เสี่ยงต่อดาบเกิดหักขึ้นมาครับ ถ้าสำเร็จมันก็เป็นดาบที่มีคุณค่ามากครับ

นักรบซามุไร ที่ทดสอบดาบเล่มใหม่ เพื่อดูว่ามันมีความแกร่งและความคมมากแค่ไหนครับ โดยใช้การฟันกระบอกไม้ไผ่ครับ ซึ่งเป็นการทดสอบที่ไม่ง่ายนะครับ เพราะว่าต้นไผ่นี้ มันมีความเหนียวและเราก็รู้ว่ามีดนั้นคมแค่ไหนครับ การฟันกระบอกไม้ไผ่เป็นการฟันที่ดีที่สุดครับ ถ้าฟันทีเดียวขาดถือว่าเป็นดาบที่มีคุณภาพครับ รอยตัดที่เรียบ การฟันกระบอกไม้ไผ่ ต้องอาศัยทั้งแรงและความคมด้วย เพราะผิวด้านอกค่อนข้างจะแข็งครับ มีคนบอกว่า การฟันกระบอกไม้ไผ่ มันเท่ากับการฟันร่างคนสองคน ถ้าฟันไม้ไผ่ขาด คนก็คงไม่ต้องพูดถึงละครับ

ที่ฝักดาบมีรูปดอกบัว เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา ที่ตัวดาบจะเป็นรูปมังกรครับ มังกรเป็นตัวแทนของคุณภาพของดาบ ที่เปลี่ยนสภาพจากโลหะ มาเป็นวัตถุที่มีจิตวิญญาณ เพราะมังกรเป็นตัวแทนของธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ กล่าวกันว่า ดาบซามุไร เป็นแก่นของธาตุครับ แก่นของธรรมชาติ วิญญาณแห่งธรรมชาติ หรือเทพเจ้าแห่งชินโตนั่นเองครับ

ขออีกเรื่องเกี่ยวกับดาบซามุไร กับสุดยอดแห่งดาบครับ หลายคนคงจะรู้จัก

ดาบมาซามุเนะ

ช่างตีดาบที่สร้างสมดุลของความแข็งและความอ่อนของเหล็กและพัฒนา โครงสร้างของดาบออกเป็นเหล็กสามชิ้น คือ "มาซามูเนะ" (Masamune)
ราวปี พ.ศ. 1840 ดาบของมาซามูเนะ ถือเป็นดาบที่พัฒนาถึงขั้นสูงสุด ในญี่ปุ่นไม่มีช่างตีดาบคนใดจะเทียบได้ เขาสร้างความสมดุลของความแข็งของคมดาบ
เคล็ดลับการทำดาบคือการผสมเหล็กสามชนิดเข้าด้วยกัน เหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนสูงจะใช้เป็นใบดาบด้านข้างที่เรียกว่า Gawa-gane และด้านคมดาบ (Ha-gane) ใช้เหล็กที่แข็งมากโดยผ่านการพับและตีถึง 15 ครั้ง ซึ่งสามารถสร้างชั้นของเหล็กที่ซ้อนกันถึง 32,768 ชั้น ทำให้เหล็กเหนียวและแกร่งมากกว่าส่วนอื่นๆ ส่วนเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำจะใช้เป็นส่วนไส้ใน (Core Steel) ทำให้มีความยืดหยุ่นเรียกว่า Shi-gane แล้วนำไปหลอมที่อุณหภูมิประมาณ 800 องศาเซลเซียสให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วจึงนำมาตีแผ่ออกเป็นใบดาบ
ช่างตีดาบคนอื่นๆ เริ่มเลียนแบบในเวลาต่อมา
ช่างตีดาบในยุคเดียวกันที่มีชื่อเสียงเทียบเคียงมาซามูเน่ คือ "มุรามาซะ" กล่าวกันว่าใครที่มีดาบของ "มุรามาซะ" ไว้ครอบครอง เลือดจะสูบฉีดให้อยากที่จะชักดาบออกมาสังหารคู่ต่อสู้เพราะความคมของมัน ในขณะเดียวกันซามูไรที่ครอบครองดาบของ "มาซามูเนะ" กลับสงบนิ่งเยือกเย็น


ดาบ มุราซาเมะ มีชื่อเสียงพอ ๆ กับ มาซามุเนะ

ไหน ๆ มีเรื่องดาบแล้ว ต่ออีกหน่อยเกี่ยวกับ อาราคีรี ทุกคนรู้จักดีว่า เป็นการฆ่าตัวตาย แต่มันยังมีมากกว่านั้นครับ

ฮาระ 腹(はら) แปลว่า ท้อง
คิริ 切(きり) มาจากคําว่า 切る(きる)ที่แปลว่า ตัด

รวม ๆ แล้วความหมายก็คือ ตัดท้อง ภาษาญี่ปุ่น หรือเรียกอีกอย่างว่า เสพปุกุ 切腹(せっぷく)

แบบที่หนึ่ง 一 คือ ต้องลากดาบคือแทงจากซ้ายไปทางขวา เป็นแนวนอน เหมือนตัวอักษร 1 ของคันจิครับ 一

แบบที่สอง ถ้าคุณยังมีแรงอยู่ โดยสืบเนื่องจากแบบที่หนึ่ง คือทำเป็นรูป 十 (เลข10)หรือเครื่องหมายบวก เมื่อทำแบบที่หนึ่งแล้ว ก็ดึงดาบออกมา ลำไส้เล็กจะกองออกมาข้างนอกครับ คุณจะรู้ว่า อาหารที่กินไปสามวันก่อนมันเป็นยังไงอาหารย่อยดีหรือเปล่า หรือว่าพลังงานอันนี้ถูกใช้ในการแทงของเราหรือเปล่า จากนั้น ทำปลายคมมันหงายขึ้นไป เป็นแนวตั้ง แทงจากท้องประมาณสะดือ แล้วลากขึ้นมาถึงระหว่างชายโครง จากนั้นคุณจะรู้ว่า กระเพาะอาหารที่คุณทานไปเมื่อเช้านะ ยังย่อยดีหรือเปล่า เอ หรือว่าจะตัดถูก ทางเดินหลอดลมกันแน่ แต่ยังไม่ถึงหัวใจครับ แต่ก็ใกล้ละ หัวใจยังสูบฉีดระหว่างนี้เลือดจะพุ่งออกมาเต็มพื้นไปหมด ถ้าคุณยังมีแรงอยู่

ขั้นที่สามครับ อันนี้ใครทำได้รับรองอึดจริง ๆ ทำเป็นรูป 三 (เลข 3) วิธีก็ง่าย ๆ ครับ ลากแนวนอนจากซ้ายไปขวา เป็นสามเส้นครับ ไม่รู้จะมีใครทำได้หรือเปล่า แค่ตาบแรกก็ตายแล้ว แต่เมื่อคุณทำแล้ว จะเห็นทั้งลำไส้เล็ก อาหารเมื่อสามวันก่อน ลำไส้ใหญ่ กับกระเพาะอาหาร ถ้าแทงสูงขึ้นมาหน่อยอาจมีชิ้นส่วนของปอดติดมาด้วย แต่คงจะไม่ออกมาเนื่องจากติดซี่โครงครับ เอาแค่นี้ละกัน

แต่ในปัจจุบันนี้ ไม่มีการทำแบบนี้แล้วครับ ส่วนมาก จะเป็นการประหารจากคนอื่นโดยการตัดคอ ไปเลย แต่ยังมี มีเล็ก ๆ กับผ้าขาววางไว้เฉย ๆ
ถ้าจะฆ่าตัวตายจริง ๆ คงเอาแบบใช้ปืน หรือไม่ก็แขวนคอ วิธีการฆ่าตัวตายยอดฮิตครับ
     
   
 
 
[www.nextstep.co.th ] [ www.ngthai.com ] [ http://update.se-ed.com ] [ http://www.sudipan.net ] [ www.thaiinfonet.com ]
 [ http://www.thaiwaterbirds.com ] [ http://websociety.mauy.net ]
contact : e-mail : [toonit_1@hotmail.com ] [ tune_555@hotmail.com ] [ lionardo_th@yahoo.com ]
blog: [ http://lionardo.exteen.com ] [ http://teshuto.exteen.com ] [ http://spaces.msn.com/members/toonit ]   Webmaster

Webstats4U - Free web site statistics
Personal homepage website counter
Free counter